วันพฤหัสบดีที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2553

การโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อดิจิตอล

การโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อดิจิตอล


ปัจจุบัน อินเตอร์เน็ตถือว่าเป็นสื่อที่มีประสิทธิภาพสูงสุด และได้กลายมาเป็นช่องทางการค้ารูปแบบใหม่อีกช่องทางหนึ่ง ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ทั่วถึง รวดเร็ว และช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานได้

โพสต์ข้อความฝากเว็บ ต้นทุนน้อย ประสิทธิภาพสูง

        คุณศักดิ์ชัย จองลน เจ้าของและผู้จัดการทั่วไป บริษัท กชพรรณ ดอท คอม จำกัด ซึ่งทำกิจการขายเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ และกล่องหยอดเหรียญสำหรับติดตั้งกับวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ หลายชนิด กล่าวถึงวิธีการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ ด้วยต้นทุนค่าใช้จ่ายน้อย แต่มีประสิทธิภาพสูง คือ การเข้าไปโพสต์ข้อความฝากไว้บนเว็บต่างๆ เพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญตัวใหม่ ให้มีผู้คนรู้จักมากขึ้น และเมื่อมีความพร้อมมากขึ้น เขาได้ใช้ความรู้ทางคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่เขียนเว็บไซต์ของตัวเองขึ้นมา โดยใช้ชื่อ KOTCHAPHAN.COM ซึ่งสร้างชื่อเสียงให้กับสินค้าของเขาอย่างมาก

ใช้อินเตอร์เน็ตให้เกิดประโยชน์
 




อินเตอร์เน็ตเป็นสื่อที่ให้ทั้งสาระ ความรู้ และความบันเทิง นอกจากนี้ยังเป็นสื่อกลางในการซื้อขายสินค้าหรือบริการ วิธีการฝากข้อความโฆษณา คือผู้ประกอบการจะต้องเข้าไปในเว็บไซต์ที่มีการโฆษณาซื้อขายสินค้าหรือบริการ เช่น เว็บไซต์ Sanook.com thaiadclick.com hunsa.com เป็นต้น จากนั้นผู้ประกอบการสามารถเข้าไปโพสต์ข้อความโฆษณาสินค้าหรือบริการผ่านทางกระดานข่าว หรือ Webboard ที่อยู่บนเว็บไซต์นั้น สื่อเหล่านี้เป็นสื่อชนิดหนึ่งที่ช่วยประชาสัมพันธ์ให้ผู้คนรู้จักสินค้าหรือบริการมากขึ้น

ลดต้นทุนด้วยสื่อดิจิตอล เป็นการแนะนำวิธีการทำการค้าแบบง่ายๆ ลงทุนไม่มาก และสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างทั่วถึงในเวลาที่รวดเร็ว โดยใช้อินเตอร์เน็ตเป็นสื่อโฆษณาให้กับสินค้าหรือบริการ

แหล่งที่มา : http://www.ismed.or.th/SME/src/bin/controller.php?view=knowledgeInsite.KnowledgesDetail&p=&nid=&sid=64&id=362&left=76&right=77&level=3&lv1=3
                 

บทความ....การโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ

            Trend Digital Branding ผ่าน Digital Media อนาคตของการ Mix Media Device เข้าด้วยกัน

            พอดีไปเจอ Trend ของการทำงานร่วมกัน ใน iPhone และ iPad และมีการพูดถึงกันมากในช่วงหลังถึงการทำงานของ Digital Device ข้าม Platform กันที่ผ่านได้หลากหลายช่องทาง เห็นได้ชัดที่สุดผ่าน Internet และการเชื่อม ของอุปกรณ์สองอย่างที่อยู่ภายใต้ Brand เดียวกันมากขึ้น และในอนาคตก็จะข้าม Plateform

           อนาคตของการรวม ของอุปกรณ์พกพา ที่จะฉลาดขึ้นจนสามารถทำงานร่วมกันได้อย่าง ลงตัว มาแล้ว วันนี้คน Gerneration ใหม่ๆ ตั้งแต่ GenY ขึ้นไป โดยเฉพาะ GenM ทุกคนมี Gadget, Device อย่างน้อยก็ 1 ชิ้นที่พกติดตัวอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็น มือถือ , เกมส์ Console พกพา, Music PLayer , Netbook Computer, Tablet ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้นับวันยิ่งมีความสามารถที่หลากหลายมากๆ รวมการทำงานต่างๆ ไว้ในเครื่องเดียวและที่สำคัญต้องเชื่อม Internet ได้ และนั่นทำให้ Trend Digital ในอนาคตการทำงานของ Smart Device ต่างๆ เหล่านี้ เติบโตและน่าสนใจอีก

         Out Of Home Media จะไม่น่าเบื่ออีกต่อไป และสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ได้หลากหลายรูปแบบ ผมเคยคิดว่าสื่อ BillBoard กำลังจะมีปัญหาเนื่องจากความน่าสนใจลดลงและราคาสูง อีกทั้งวัดผลได้ยาก แต่หาก สื่อต่างๆ ปรับตัวนำความเป็นดิจิตอลมาใช้ ความขลังของสื่อนอกบ้านยังไปได้อีกไกล New Age of  Out of home Media

        มิติใหม่ของการโฆษณา โฆษณา และสร้างสรรค์ Campaign ผ่าน สื่อ Digital จะทำอะไรได้มากกว่า สร้างประสบการณ์ได้มากกว่า สร้างการจดจำได้มากกว่า วัดผลได้มากกว่า สนุกกว่า ประหยัดกว่า การทำ Digital Branding, Digital Campang ผ่านสื่อใหม่ๆ พวกนี้จึงเป็นที่กำลังสนใจ
"ทุกอย่างคือ อนาคต Digital Media ของ การใช้สื่อ Digital ทำหน้าที่ต่างๆ"
ตัวอย่างของการทำงานร่วมกันผ่าน Microsoft “Surface” – The Possibilities





หรือตอนนี้ที่ออกมาค่อนข้างเยอะเหมือนกัน ของการทำงานร่วมกันระหว่าง iOS ตัวอย่างตามวิดีโอ


วันพฤหัสบดีที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2553

วิจารณ์หนัง"รถไฟฟ้ามาหานะเธอ"


เรื่องย่อ รถไฟฟ้า..มาหานะเธอ


    สภาพจราจรในปี 2552 ยังเป็นปัญหาหนักอกของคนกรุงเทพฯ ด้วยแม้จะมีถนน สะพาน ทางด่วนใหม่ๆผุดขึ้นหลายต่อหลายสาย ผิวจราจรเหล่านั้นก็ยังติดขัดและไม่เพียงพอต่อความต้องการ...ถนนในกทม.ก็เหมือนหนุ่มหล่อแสนดี ที่มีน้อยและไม่เคยเพียงพอต่อความต้องการ!

    เหมยลี่ (คริส หอวัง) เป็นสาวอายุ 30 ที่มีพฤติกรรมป่วนประจำตัวอย่างหนึ่ง คือ การเมาในงานแต่งงานเพื่อน เพราะมันช่างตอกย้ำซ้ำเติมชีวิตโสดสนิทไร้ชายใดมาแผ้วพานของลี่ วันหนึ่งหลังลากสังขารกลับจากการส่งเพื่อนสาวสุดซี้เข้าห้องหอ ลี่ขับรถเสยเข้ากับแผงโจ๊กในตลาดโต้รุ่ง ส่งผลให้รถเก๋งคันงามของเธอถูกป๊าผู้ต่อต้านแอลกอฮอลล์ทุกชนิดขายทิ้ง โทษฐานเมาแล้วขับ

       ชีวิตที่ไม่มีชายหนุ่มคอยไปรับไปส่งอย่างลี่ จึงต้องออกไปผจญการจราจรสุดโหดของเมืองบางกอกเพียงลำพัง แต่ละวันลี่ต้องปากกัดตีนถีบ ขึ้นมอเตอร์ไซค์ ต่อรถตู้ โบกแท็กซี่ โหนรถเมล์ โดดลงเรือ ฯลฯ สารพันความเมื่อยล้าจากการเดินทางแบบเมก้าฮิตทำให้เวลานอนของลี่แปรปรวน คืนหนึ่งลี่ตื่นมากลางดึกและแอบขึ้นไปกินเบียร์บนดาดฟ้า โชคดีปนร้าย ลี่บังเอิญไปเจอลูกจ้างชายหญิงกำลังแสดง ‘หนังสด’ กันอยู่ กลายเป็นคดีอื้อฉาวกลางดึกที่นำพาให้ลี่ได้พบกับ ลุง (เคน – ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์) วิศกร Maintenance แห่งรถไฟฟ้า BTS
การได้พบกับผู้ชายชื่อแปลกคนนี้แบบไม่เมา ในคืนต่อมาทำให้ลี่เริ่มรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมาเป็นครั้งแรกในสามสิบฝน ในหัวลี่อัดแน่นด้วยคำถาม “ผู้ชายที่ทั้งขาว ทั้งหล่อ ทั้งเท่ ไหงถึงมาซ่อนตัวทำงานรถไฟฟ้ากะดึกอยู่อย่างนี้” ลี่รู้สึกราวลุง คือ ขุมทรัพย์ที่เธอบังเอิญไปพบลายแทงเข้า หากเธอไม่ลงมือทำอะไร ไม่ทำในสิ่งที่ใจต้องการ เธออาจกลายเป็นหญิงโสดคนสุดท้ายในกรุงเทพมหานคร

ลี่ตัดสินใจทำในสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนเคยคิดแต่ไม่กล้าลงมือ นั่นคือ การจีบผู้ชายก่อน แต่ทุกอย่างมันก็ไม่ง่ายสำหรับมือใหม่หัดจีบอย่างลี่ ไหนจะเวลาไม่ตรงกันจนเหมือนอยู่คนละโลกของเขากับเธอ ไหนจะถูก เพลิน (แพท - อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา) สาวน้อยข้างบ้านหักหลัง แปรพักตร์จากครูไปเป็นคู่แข่งความรัก ไหนลุงจะมีถ่านไฟเก่าเป็นถึงนางเอกละครหลังข่าวอันดับหนึ่ง!
แต่ไม่ว่าจะต้องผจญอุปสรรคไหนๆ ลี่ก็ไม่คิดถอดใจ
................ตั๋วรักรถไฟ(ฟ้า) เที่ยวสุดท้ายใบนี้ ลี่สาบานว่าจะไม่ยอมให้หลุดมือเด็ดขาด!.......................

แหล่งที่มา :  http://www.thaicinema.org/reviewsth72bts.asp



--------------------อาจารย์และเพื่อนๆดูหนังเรื่องนี้แล้วรู้สึกอย่างไรกันบ้าง  ^^---------------------

            ต้องยอมรับเลยว่าเป็นคนไม่ชอบดูหนังภาพยนตร์  ปีหนึ่งนับครั้งได้เลยว่าดูกี่เรื่อง แต่เหตุผลที่ไปดูหนังเรื่องนี้ก็เพราะว่า  ตอนนั้นที่บ้านซื้อแผ่นซูมมาดู แล้ว พอดูเสร็จก็เกิดติดใจ เลยยกขโยงกันไปดูที่โรงภาพยนตร์ ซึ่งให้ภาพที่คมชัดกว่า สมจริงกว่า และเสียงซาวแทรคที่คมชัดเหมือนมีพระเอกนางเอกมาพูดอยู่ข้างๆ (ขนาดนั้นเชียว 5 5+)
           นอกจากภาพยนตร์เรื่อง "The little จดหมายรัก" แล้ว ยังไม่มีภาพยนตร์เรื่องไหนที่สร้างความประทับใจเท่ากับเรื่องนี้เลย เหตุผลคงเป็นเพราะว่าหนังเรื่องนี้ ไม่ไกลจากความจริงเท่าไร่ ถ้าจะเดาว่า มีคนจำนวนไม่น้อยที่มองตัวเองแล้วคิดว่า หน้าตาเราก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร การศึกษาก็ไม่ได้แย่อะไร งานการก็มีทำ แถมยังมีจิตใจดีงามรักเพื่อน รักสัตว์ รักเด็ก มีอารมณ์ขัน เป็นพลเมืองดีของสังคม แต่ทำมั้ยทำไม(วะ) ถึงยังไม่มีแฟนกับเขาสักที และคงจะไม่ไกลความจริงอีกเท่าไร่ ถ้าจะเดาอีกว่า ยังมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่แอบฝัน ว่าสักวันจะได้เจอหนุ่มหล่อ เท่ อบอุ่น แววตาน่าเคลิ้ม อย่าง “เคน ธีรเดช” ที่จะเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วยให้พ้นจากความทุกข์จากการถูกโชคชะตากลั่นแกล้ง และสุดท้ายก็สมหวังครองรักกันอย่างมีความสุขตลอดกาลนานแฮปปี้เอ็นดิ้ง เหมยลี่ (คริส หอวัง) เป็นตัวแทนของสาวโสดวัยใกล้ 30 ทุกคนที่ไม่อย่ากโสด พร้อมที่จะรักใครสักคนแต่ยังไม่มีใครให้รักสักที จนกระทั้งคืนวันส่งตัวเจ้าสาวของเพื่อนสนิท ที่ตัวเองเกิดอาการเมาเละจนขับรถประสบอุบัติเหตุเล็กน้อย อันเป็นเหตุให้ได้เจอกับ ลุง (เคน-ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์) หนุ่มวิศวกรบีทีเอส ซึ่งเป็นสุภาพบุรุษในฝัน และความรักทั้งสองก็เริ่มต้นขึ้น และ ด้วยความน่ารัก เปิ่นๆ ฮาๆ ของนางเอกทำให้หนังเรื่องนี้ดำเนินไปได้อย่างแนบเนียน 5 5+
              และหนังเรื่องนี้ ก็ไม่ได้เวอร์เหมือนหนังรักทั่วๆไป เพราะพระเอก นั้น หล่อขั้นเทพขนาดนี้แต่ทำไมยังไม่มีแฟน ไม่ใช่ไม่มีใครเอา เพราะพระเอกเคยมีแฟนมาแล้วเป็นถึงระดับนางเอกหนัง คือ "กบ"(แอฟ ทักษอร) แต่เหตุผลที่เลิกกันคือ พระเอกไม่มีเวลาให้ ต่อให้หล่อ รวยขนาดไหน แต่ถ้าไม่มีเวลาให้กันความจะดำเนินต่อไปได้อย่างไร  ขนาดนางเอก เหมยลี่ยังต้องถอยเลย
              ตอนจบของหนังเรื่องนี้ จบได้เซอร์ไพรส์คนดูมากๆ เพราะคนที่ไม่มีติดต่อกันเป็นปีแล้วบังเอินมาเจอกันบนรถไฟฟ้า และ พระเอกก็เป็นคนสานต่อความสัมพันธ์ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ด้วยประโยคทีว่า "คุณลี่ครับ .. สงกรานต์นี้ ยังว่างอยู่หรือเปล่าครับ" (ประโยคนี้โดนมากกกกกก!) 5 5+
             
   ต้องบอกว่าเป็นหนังที่สมแล้วกับรายได้ 150 ล้านบาท (เปิดตัววันแรกได้ 14 ล้านบ้าน) คุ้มกับค่าตั๋วและเวลาที่เข้าไปดูจริงๆ คนที่เดินออกจากโรงต้องได้รอยยิ้ม อิ่มเอิบกลับบ้านแน่นอน ^^



รถไฟฟ้ามาหานะเธอ : Boxset

วันพฤหัสบดีที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2553

สถานที่ท่องเที่ยวในวันหยุด


 ตลาดนัดสวนจตุจักร ตลาดนัดที่ใหญุ่ที่สุดในโลกก!!!!


       ตลาดนัดจตุจักร ในยุคนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะเป็นแหล่งรวมสินค้านานาชนิดและร้านค้ามากมาย สินค้าจากทั่วทุกมุมของประเทศและยังเป็นตลาดขายส่งผลิตภัณฑ์ของเกษตรกรและ ฝีมือชาวบ้าน ความหลากหลายในบรรยากาศอันคึกคักของตลาดนัดจตุจักร สร้างสีสันในวันหยุดสุดสัปดาห์ให้กับคนกรุงเทพฯ มาช้านาน จนนับเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญกลางเมืองหลวงแห่งนี้ อี่กทั้งยังเป็นตลาดส่งออกสินค้าพื้นบ้านของไทยส่งออกสู่ต่างประเทศปีละเป็น จำนวนมาก เป็นศูนย์รวมจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังเป็นแหล่งสร้างอาชีพสร้างความร่ำรวยให้ผู้คนจำนวนมาก จนเป็นตำนานแห่งตลาดนัดที่ใหญ่ที่สุดในโลก

 บรรยกาศภายในตลาดนัดสวนจตุจักร



ภายนอกสวนตรงถนนคนเดิน


         ตลาดนัดจตุจักร สำหรับผู้ที่ชอบซื้อของและต่อรองราคา ที่นี่คือ "สวรรค์ของคุณ" โดยทุกวันพุธและพฤหัสจะเป็นตลาดค้าส่งต้นไม้ ส่วนวันเสาร์และอาทิตย์นั้นจะเปลี่ยนเป็นตลาดนัดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย รวมทั้งเป็นศูนย์รวมร้านค้ากว่า 8,000 ร้านจากทุกภูมิภาคของประเทศ แบ่งพื้นที่ออกเป็น 26 โครงการ กลุ่มสินค้ามีตั้งแต่ของแต่งบ้าน ของสะสม ของเก่า เครื่องประดับ งานศิลปะหัตกรรม เฟอร์นิเจอร์ สัตว์เลี้ยง เสื้อผ้า ต้นไม้ หนังสือเก่า อาหารพื้นเมือง สินค้าเบ็ดเตล็ดอื่นๆ อีกมากมาย         


 เป็นที่นิยมของคนทั่วไปทุกเพศทุกวัย

 หรือแม้กระทั่งชาวต่างชาติ (คุณหนูคนนี้ดูเริงร่ามากๆ)


           ตลาดนัดจตุจักรเริ่มมาตั้งแต่ปี 2491 ในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ในสมัยนั้นให้จัดตั้งตลาดนัดขึ้นทุกจังหวัด สำหรับกรุงเทพฯ นั้นได้เลือกสนามหลวง เป็นสถานที่จัดตลาดนัด แต่ด้วยเวลาไม่ถึงปี ทางราชการก็ย้ายตลาดนัดไปอยู่ในพระราชอุทยานสราญรมย์แล้วจึงย้ายออกไปตั้ง อยู่บริเวณสนามชัย และย้ายตลาดกลับไปอยู่ที่สนามหลวงในปี 2501 
           ต่อมาในปี 2521 ได้มีนโยบายใช้สนามหลวงเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ และจัดงานกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี การรถไฟแห่งประเทศไทยจึงได้มอบที่ดินย่านพหลโยธินตอนล่างต่อจากสวนจตุจักร ด้านทิศใต้ให้แก่กรุงเทพฯ เพื่อใช้ในกิจการสาธารณประโยชน์ และได้ปรับปรุงพื้นที่เพื่อให้ผู้ค้าหาบเร่แผงลอย และย้ายผู้ค้าจากสนามหลวงมาด้วย จนกระทั่งดำเนินการเสร็จในปี 2525 โดยใช้ชื่อว่า "ตลาดนัดย่านพหลโยธิน" ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น "ตลาดนัดจตุจักร" ให้สอดคล้องกับสวนสาธารณะจตุจักรในบริเวณใกล้เคียงกันตั้งแต่ปี 2530 และเรียกมาจนปัจจุบัน

ร้านขายเสื้อผ้าของแต่งห้องแนวๆ
เสื้อผ้าในสไตล์สตรีทแวร์
มีของเล่นน่ารักๆแนวๆขายด้วย
 บรรยกาศภายในจตุจักร
เพิ่มคำอธิบายภาพ
มีสินค้าอินเทรน สไตล์แนวๆ ขายอยู่เพียบบ!
มีต้นไม้หลากหลายนานาพันธ์วางจำหน่ายอยู่ที่สวน
และนอกจากนั้น .. ยัีงมีกิจกรรมแปลกๆแนวๆหาดูได้ยากยิ่งอีกด้วย ^^
       ภายในสวนจตุจักรมีสิ่งน่าสนใจที่อยู่คู่กับสวนมานานได้แก่ หอนาฬิกา นาฬิกาดอกไม้ ซึ่งสามารถใช้งานได้จริง และมีประติมากรรมแห่งอาซียนจากประเทศต่างๆ รวม 6 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, บรูไน และประเทศไทย
บรรยกาศตอนกลางคืนที่สวน สวยมาก
มีสินค้าขายตรงถนนคนเิดินด้วย
จตุจักรกลางคืนแห่งนี้จะมีขายทุกวัน ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ เวลา 18.00-21.00 น.

แผนที่โครงการจตุจักร


บนเนื้อที่ประมาณ 70 ไร่นี้แบ่งเป็นโซนต่างๆ ดังนี้- เสื้อผ้าและเครื่องประดับ มีจำหน่ายที่โครงการ 5, 6, 10, 12, 14, 16, 18, 20, 21 และ 23
- สินค้าหัตถกรรม มีจำหน่ายที่โครงการ 8
- เซรามิกและเครื่องปั้นดินเผา มีจำหน่ายที่โครงการ 11, 15, 17, 19 และ 25
- ของแต่งบ้านและเฟอร์นิเจอร์ มีจำหน่ายที่โครงการ 2, 3, 4, 5, 6 และ 7
- อาหารและเครื่องดื่ม มีจำหน่ายที่โครงการ 1 และ 2
- ต้นไม้และอุปกรณ์ทำสวน มีจำหน่ายที่โครงการ 3 และ 4
- ศิลปะ มีจำหน่ายที่โครงการ 7
- สัตว์เลี้ยงและอุปกรณ์สำหรับสัตว์ มีจำหน่ายที่โครงการ 9, 11, 13 และ 15
- หนังสือ มีจำหน่ายที่โครงการ 1 และ 27
- ของเก่าของสะสม มีจำหน่ายที่โครงการ 1 และ 26
- สินค้าเบ็ดเตล็ดและเสื้อผ้ามือสอง มีจำหน่ายโครงการ 2, 3, 4, 22, 25 และ 26

5 5+ ถ้าเดินเหนือ่ยๆแล้ว มีรถบริการพาทัวร์จตุจักรฟรี!!

ร้านอาหารแนวๆ วัยรุ่น วัยนักศึกษาในกรุงเทพ

ร้านอาหารที่สวยที่สุด (อยู่ในประเทศไทย)

  ท่ามกลางบรรยากาศใจ กลางเมืองที่คับคลั่งไปด้วยผู้คนและแวดล้อมไปด้วยความวุ่นวาย แต่ร้านนภาเปรียบได้ดั่งสรวงสวรรค์ของคนเมืองที่รักสงบ โดยแรกย่างก้าวเข้าไปในร้านจะได้ซึมซับถึงบรรยากาศที่สงบหาที่ไหนไม่ได้ ร้าน นภา เป็น สไตล์ Bar&Cafe’ Bakery Restaurant เป็นร้านที่สามารถตอบโจทย์สไตล์คนเมืองได้เป็นอย่างดี เหมือนดังท้องฟ้าที่เปิดกว้างให้ทุกคนได้เข้ามาสัมผัสและลิ้มรอง ดั่งชื่อร้าน “นภา” ที่มีหมายความว่า “ท้องฟ้า”


         โดยร้านนภาจะมีสองชั้น และแบ่งออกเป็น3โซน  โซนที่ 1 เป็นห้องแอร์ ข้างๆจะเป็นเอ้าท์ดอร์เหมือนนั่งรับกลางประทานอาหารท่ามกลางสวนสวย โชนที่ 2 เดินขึ้นบันไดไปชั้นบนจะเป็นแบบโอเพนแอร์เปิดโล่งให้บรรยากาศเมือและท้องฟ้าท่ามกลางกรุงได้อย่างชัดเจน โซนที่เป็นโซน 3 เป็นโซนเค้าเตอร์บาร์ แต่บริเวณนี้จะพิเศษนิดหนึ่ง เพราะลูกค้าเยอะ ถ้าจะนั่งโซนหน้าเคาเตอร์บาร์จะต้องโทรจองล่วงหน้า


โห บรรยกาศน่านั่งสุดๆ!!


ให้อารมณ์เฮฮา มีความเป็นส่วนตัว เหมาะที่จะสร้างสรรค์กับเพื่อนฝูง


บรรยกาศภายในร้านดูไฮโซมากๆ


มีบาร์ แนวๆ สุดคลาสสิค กับมุมนั่งชิวๆอยู่ด้วย ^^

              นอกจากบรรยากาศที่ ดึงดูดแล้วรสชาติ หน้าตาของอาหารของที่ร้านก็เย้ายวนใจ ไม่เป็นสองรองใครเลยก็ว่าได้  อาหารแทบจะไม่มีเมนูแนะนำเลยเพราะอร่อยทุก เมนู ทางเว็บMoohin.com จึงขอแนะนำ อาหารที่ทุกคนที่ไปต้องสั่ง คือ กุ้งสะเต๊ะ กุ้งตัวโตๆ เนื้อนุ่ม ที่หมักด้วยสูตรพิเศษของทางร้าน พร้อมน้ำจิ้มสะเต๊กที่คิดค้นขึ้นเอง เมื่อได้ลิ้มรองจะตอบได้ว่าเป็นรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของทางร้านเฉพาะ


เสต๊กกุ้งราดด้วยน้ำซอสหอมยั่วใจ กับหมูหอมๆกับน้ำจิ้มสูตรเด็ด


กุ้งตัวโตๆน่าทานมากๆ (แซบ!)  กับ  เนื้อปลาทอดกรอบราดซอสส้มที่เข้ากันสุด


แป้งโรตีนุ่มๆเคียงกับแกงเขียวหวานหอมๆ และ เมนูสูตรทางร้าน Choco Lava



นอกจากบรรยากาศที่ สงบดึงดูด อาหารที่เย้ายวนใจ ที่ไม่น้อยไปกว่านั้น คือ การบริการ โดยหนุ่มๆเจ้าของร้าน เน้นหนักใส่ในเรื่องการบริการแก่ลูกค้าเป็นที่สุด  เป็นอีกหนึ่งมนต์เสน่ห์ที่ สามารถสะกดลูกค้าให้กับไปอีก

           สำหรับนักเรียน เพื่อนๆ และอาจารย์ถ้าสนใจในร้านนี้ ไม่ว่าจะเป็นจัดงานวันเกิด ฉลองอะไรก็ตาม ถ้าไปไมู่ถูกเรามีแผนที่ให้กับท่าน 55 + โทรจองโต๊ะได้ที่ 085-8177164 คุณอุ๊ย